ครีมสมุนไพรกำจัดไฝ ขี้แมลงวัน กระ ติ่งเนื้อ by carashop67

เบคอน ไส้กรอก ได้ชื่อว่าเป็นอาหารสุดโปรดของใครหลายคน ด้วยหน้าตาที่ชวนรับประทานกับรสชาติแสนอร่อย แต่ทว่าภายใต้ความเย้ายวนชวนกินนั้นกลับแฝงไว้ด้วยภัยอันตรายจากโรคมะเร็งไม่ต่างอะไรกับการสูบบุหรี่เลยทีเดียว! จากประกาศขององค์การอนามัยโลกบอกว่าเนื้อสัตว์แปรรูปที่นิยมซื้อหามารับประทานกันนั้น ถือเป็นอาหารที่อันตรายที่สุดเมื่อเทียบกับอาหารประเภทอื่น โดยเป็นผลการศึกษาที่มีนักวิทยาศาสตร์จาก 10 ประเทศได้เข้าร่วมทำการวิจัย ซึ่งเมื่อได้ทำการตรวจสอบหลักฐานต่างๆ แล้วสามารถสรุปได้ว่าเบคอนซึ่งเป็นอาหารแปรรูปประเภทหนึ่ง จัดเป็นอาหารที่เป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพของเรามากที่สุด การบริโภคเนื้อสัตว์แปรรูปทำให้ผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งทั่วโลกเพิ่มขึ้น 34,000 รายต่อปี  –  Yes, bacon really is killing us  โดย  Bee Wilson , Theguardian.com นอกจากนี้แล้วยังมีอาหารแปรรูปอื่น ๆ อย่างเบอร์เกอร์กับไส้กรอกที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพเช่นกัน เพราะฉะนั้นใครที่โปรดปรานความอร่อยของเบคอนชีสเบอร์เกอร์ก็ให้พึงระวังเอาไว้ว่าคุณกำลังเสี่ยงกับโอกาสที่จะเป็นมะเร็งอยู่ รายงานจากเว็บไซต์ NHS Choices ได้บอกถึงเรื่องนี้เอาไว้ว

หากไม่มีน้ำเพียงพอระบบในร่างกายของเราจะเปลี่ยนไป เซลล์จะหดตัวหากไม่มีน้ำเพียงพอ สมองจะส่งสัญญาณให้ร่างกายปัสสาวะน้อยลง สิ่งนี้จะเกิดขึ้นผ่านทางไตของเรา ซึ่งในกระบวนการต่างๆ นั้น ถ้าจะทำงานอย่างถูกต้องต้องพึ่งพาปริมาณน้ำที่เพียงพอด้วยเช่นเดียวกัน อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อเราไม่ดื่มน้ำ? หากไม่มีน้ำเพียงพอไตจะใช้พลังงานมากขึ้น ทำให้เนื้อเยื่อสึกหรอ ไตต้องทำงานอย่างเพียงพอเพื่อล้างของเสียออกจากเลือดของเรา ในที่สุดไตจะหยุดทำงานโดยไม่ได้รับน้ำเพียงพอ อวัยวะอื่น ๆ ในร่างกายอาจหยุดทำงานโดยไม่มีน้ำด้วยเช่นเดียวกัน การขาดน้ำจะส่งผลกระทบต่อการทำงานของร่างกายอื่น ๆ หากไม่ได้รับน้ำในปริมาณที่เพียงพอ อุณหภูมิร่างกายจะไม่ถูกควบคุม เกิดภาวะไม่สมดุลน้ำในร่างกาย ข้อต่ออาจทำงานได้ไม่ดี สมองอาจบวม ความดันโลหิตอาจเพิ่มขึ้นหรือลดลง ขาดพลังงาน เหนื่อยง่าย อาจมีอาการลมแดด ชัก ไตหรืออวัยวะล้มเหลวอื่น ๆ หากรุนแรงมากๆ ร่างกายขาดน้ำได้นานแค่ไหน? การดื่มน้ำอย่างเพียงพอเป็นสิ่งจำเป็นต่อการอยู่รอด ร่างกายของเราจำเป็นต้องดื่มน้ำปริมาณมากในแต่ละวันเพื่อให้ทำงานได้อย่างถูกต้อง นี่เป็นเพราะเราขับ

จากบทความเรื่อง  4 เรื่องพลาดๆ ที่เกิดจาก “น้ำหนักลงเร็วเกินไป”  บอกถึงผลเสียอย่างหนึ่งว่า การลดน้ำหนักไม่ได้เหมือนกับการลดไขมัน ในขณะที่อาหารที่มีแคลอรี่ต่ำมากอาจช่วยให้ลดน้ำหนักได้อย่างรวดเร็ว  แต่จำนวนมากที่เราลดได้อาจมาจากกล้ามเนื้อและน้ำนั่นเอง  ซึ่งนั่นส่งผลให้ระบบเผาผลาญเราแย่ลงไปด้วย แต่ไม่ใช่เรื่องผลกระทบเรื่องของระบบเผาผลาญและการลดน้ำหนักในระยะยาวเท่านั้น แต่ยังมีผลกระทบไปถึงสุขภาพอย่างอื่น ที่เพื่อนๆ อาจคาดไม่ถึง เพราะหากไม่ได้รับแคลอรีเพียงพอจะเสี่ยงต่อการขาดสารอาหาร เพราะในอาหารที่แคลอรี่ต่ำอาจไม่มีเหล็ก โฟเลตและวิตามินบี 12 อย่างเพียงพอ ซึ่งนำไปสู่ผลกระทบต่อร่างกาย ดังต่อไปนี้ครับ ผมร่วง : เมื่อเพื่อนๆ กินแคลอรี่น้อยเกินไปร่างกายอาจได้รับสารอาหารไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของเส้นผมซึ่งอาจทำให้ผมร่วง เหนื่อยง่ายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน : เพื่อนๆ อาจได้รับธาตุเหล็ก วิตามินบี 12 และโฟเลตไม่เพียงพอในอาหารที่มีแคลอรีต่ำ ซึ่งอาจทำให้เพื่อนๆ เสี่ยงต่อการอ่อนเพลียและโรคโลหิตจาง ภูมิคุ้มกันแย่ลง : การได้รับแคลอรี่และสารอาหารไม่เพียงพออาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของเพื่อ

จากบทความเรื่อง  งานวิจัยชี้… กินโปรตีน 2 เท่าต่อวัน ช่วยลดอ้วนและเผาผลาญดีขึ้น  บอกว่า โปรตีนสองเท่าช่วยให้เราลดน้ำหนักได้โดยไม่ต้องสูญเสียกล้ามเนื้อ แต่ทุกอย่างต้องอยู่บนความพิดี จึงเกิดคำถามที่ว่า.. ถ้าเรากินโปรตีนมากเกินไป จะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของเราบ้าง? 1.อ้วนขึ้น อาหารที่มีโปรตีนสูงอาจช่วยลดน้ำหนักได้ แต่การกินโปรตีนมากเกินไปจะถูกเก็บไว้เป็นไขมัน ในขณะที่กรดอะมิโนส่วนเกินถูกขับออกมา สิ่งนี้สามารถนำไปสู่การเพิ่มน้ำหนักเมื่อเวลาผ่านไปโดยเฉพาะถ้าเพื่อนๆ กินแคลอรี่มากเกินไปในขณะที่พยายามเพิ่มปริมาณโปรตีนของตัวเองด้วย 2.กลิ่นปาก การกินโปรตีนจำนวนมากอาจทำให้มีกลิ่นปากโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเพื่อนๆ จำกัดปริมาณคาร์โบไฮเดรตด้วย กว่า 40% ของผู้เข้าร่วมการศึกษาหนึ่งที่เกี่ยวกับ การวิเคราะห์ปัญหาสุขภาพเกี่ยวข้องกับโปรตีนสูง ถูกรายงานว่ามี “กลิ่นปาก” ( อ้างอิง ) นี่อาจเป็นส่วนหนึ่งเนื่องจากร่างกายของเราเข้าสู่กระบวนการเผาผลาญที่เรียกว่าคีโตซีสซึ่งผลิตสารเคมีที่ให้กลิ่นไม่พึงประสงค์ 3.ท้องผูก ในการศึกษาเดียวกัน 44% ของผู้เข้าร่วม ถูกรายงานว่ามีอาการท้องผูก อาหารที่มีโปรตี

น้ำผึ้ง  เป็นวัตถุดิบยอดนิยมในครัวเรือนสำหรับปรุง ทำได้ทั้งเมนูคาวหวาน น้ำผึ้งเป็นสารให้ความหวานธรรมชาติที่ทำจากผึ้งโดยใช้น้ำหวานจากพืชดอก น้ำผึ้งมีกรดอะมิโนวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระ ส่วนผสมเหล่านี้ทำให้น้ำผึ้งได้รับการเลือกให้เป็นหนึ่งในวัตถุดิบที่ใช้ในการบำบัดอย่างเป็นธรรมชาติสำหรับรักษาอาการไอทั่วไป แต่หลายคนอาจไม่รู้ว่า “น้ำผึ้ง” เป็นสารก่อภูมิแพ้ด้วยเหมือนกัน มีความเป็นไปได้ว่าในบางคนนั้นจะเกิดอาการแพ้ เนื่องจากน้ำผึ้งอาจถูกปนเปื้อนด้วยเกสรผึ้งและละอองเกสรดอกไม้จากพืชและต้นไม้อื่นๆ เช่น ดอกทิวลิป ดอกทานตะวัน ต้นยูคา วิลโลว์ โอ๊ก หากเพื่อนๆ เป็นคนแพ้ละอองเกสรอาจเป็นไปได้ว่าอาจแพ้น้ำผึ้งบางประเภทด้วยเช่นเดียวกัน ในหลายกรณีพบว่า หลายคนมักแพ้เกสรซึ่งเป็นสารก่อภูมิแพ้มากกว่าในส่วนของน้ำผึ้งเอง แพ้น้ำผึ้งดูยังไง? น้ำผึ้งเป็นสารต้านการอักเสบและสารต้านอนุมูลอิสระตามธรรมชาติ อย่างไรก็ตามละอองเกสรดอกไม้และสารก่อภูมิแพ้จากน้ำผึ้งพืชอื่น ๆ มักปนเปื้อนน้ำผึ้ง อาการที่เกิดจากการแพ้น้ำผึ้งอาจมีลักษณะคล้ายกับอาการแพ้ละอองเกสร ดังนี้ครับ น้ำมูกไหล จาม บวม น้ำตาไหล คั

หันไปทางไหนช่วงนี้เห็นแต่ Celery Juice หรือว่า น้ำคื่นฉ่าย เป็นกระแสยอดฮิตในกลุ่มคนที่รักสุขภาพ เพราะน้ำคื่นฉ่ายให้ความสดชื่นและมีประโยชน์ รวมทั้งแคลอรี่ต่ำ ใน 1 แก้ว น้ำคื่นฉ่าย ให้อะไรเราบ้าง? วิตามิน A, K และ C เบต้าแคโรทีน ฟลาโวนอยด์ สารต้านอนุมูลอิสระ แคลเซียม เหล็ก แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม ประโยชน์จากการดื่มน้ำคื่นฉ่าย ช่วยลดความดัน : มีการศึกษาพบว่า สารสกัดจากคื่นฉ่ายมีคุณสมบัติต่อต้านความดันโลหิตสูง คื่นฉ่ายมี Phytochemical (สารพฤกษเคมี) ที่ผ่อนคลายเนื้อเยื่อของผนังหลอดเลือด ทำให้การไหลเวียนของเลือดเพิ่มขึ้นและอาจช่วยลดความดันโลหิตได้ ป้องกันโรคเรื้อรัง : คื่นฉ่ายเป็นแหล่งฟลาโวนอยด์ ซึ่งมีความสัมพันธ์ระหว่างฟลาโวนอยด์กับการป้องกันโรคเรื้อรัง (แต่จำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติม) โดยการศึกษาในปี 2014 พบว่า ฟลาโวนอยด์ที่แยกได้จากคื่นฉ่ายช่วยต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ต้านการอักเสบ : ฟลาโวนอยด์ที่พบในคื่นฉ่ายมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ อย่างไรก็ตาม หากเพื่อนๆ ที่ดื่มน้ำคื่นฉ่าย ควรล้างผักให้สะอาดและเลือกซื้อกับร้านที่ถูกสุขลักษณะ เนื่องจา

จากบทความเรื่อง  8 วิธีทำให้ “กินช้าลง” ช่วยลดอ้วนได้  บอกว่า 60% ของคนที่กินเร็วมักจะกินเกิน (Over Eating) แน่นอนว่านั่นไม่ส่งผลดีต่อการลดน้ำหนัก แต่ไม่ใช่เรื่องของน้ำหนักเท่านั้น การกินเร็วไปยังส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมอื่นๆ ที่หลายคนอาจยังไม่รู้มาก่อนด้วยเหมือนกัน ภาวะดื้อต่ออินซูลิน  การกินเร็วเกินไปจะเชื่อมโยงกับความเสี่ยงต่อการดื้อต่ออินซูลินที่สูงขึ้น ซึ่งมีระดับน้ำตาลในเลือดและอินซูลินในระดับสูง เป็นสัญญาณของโรคเบาหวานประเภท 2 และโรคเมตาบอลิซึม โรคเบาหวานประเภท 2  การกินเร็วมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่สูงขึ้นของเบาหวานชนิดที่ 2 งานวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่า ผู้ที่กินเร็วมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคนี้ 2.5 เท่าเมื่อเทียบกับคนที่กินช้า ( อ้างอิง ) ภาวะอ้วนลงพุง  หรือภาวะเมแทบอลิกซินโดรม (Metabolic syndrome) การกินอาหารอย่างรวดเร็วและการเพิ่มน้ำหนักอาจเกี่ยวข้องกับการเพิ่มความเสี่ยงต่อการเผาผลาญของเพื่อนๆ เพราะจะเป็นกลุ่มปัจจัยเสี่ยงที่อาจเพิ่มความเสี่ยงของโรคเบาหวานและโรคหัวใจ ( อ้างอิง ) การย่อยอาหารไม่ดี  คนที่กินอาหารเร็วมักประสบกับปัญหาการย่อยอาหารไม่ดีเป็นผลมาจากการกินเร็วเกินไป

รู้ไหมว่าทำไมเราถึงต้องดื่มน้ำก่อนมื้ออาหารเพื่อลดความอ้วน หลายคนคงจะสงสัยกันใช่ไหม ดังนั้นเราไปหาคำตอบกันดีกว่า ซึ่งก็รับรองเลยว่าอาจทำให้คุณถึงกับอึ้งเพราะคาดไม่ถึงเลยทีเดียว ดื่มน้ำก่อนมื้ออาหาร  ลดความอยากอาหารได้ บางคนได้กล่าวว่าการดื่มน้ำก่อนมื้ออาหาร จะช่วยลดความอยากอาหารได้เป็นอย่างดี ซึ่งพบว่านั่นคือเรื่องจริงและได้ผลมากโดยเฉพาะวัยผู้ใหญ่กลางคนและวัยสูงอายุ ซึ่งจากการศึกษาผู้สูงอายุ การดื่มน้ำก่อนอาหารจะช่วยลดน้ำหนักได้มากถึง 2 กิโลกรัมในช่วง 12 สัปดาห์เลยทีเดียว และจากการศึกษาในผู้ใหญ่วัยกลางคนที่เป็นโรคอ้วน การดื่มน้ำก่อนมื้ออาหารจะช่วยลดน้ำหนักลงได้ถึง 44% เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้ดื่มน้ำก่อนมื้ออาหาร และยังมีการศึกษาที่พบอีกว่า การดื่มน้ำก่อนทานอาหารเช้าจะทำให้ปริมาณแคลอรีที่ทานเข้าไปในระหว่างมื้อ ลดลงไปถึง 13% เลยล่ะ อย่างไรก็ตามแม้ว่าวิธีนี้จะใช้ได้ผลดีในวัยสูงอายุและวัยกลางคน แต่สำหรับผู้ที่อายุน้อยยังไม่พบผลลัพธ์ที่น่าพอใจ ซึ่งคาดว่าน่าจะได้ผลดีเฉพาะในวัยนี้เท่านั้น ควรดื่มน้ำมากน้อยเท่าไหร่ การดื่มน้ำก่อนมื้ออาหารนั้นอาจดื่ม 1-2 แก้ว หรือแล้

การลดน้ำหนักให้ได้ผลนั้น จำเป็นต้องการการดุลแคลอรี่เข้ามาช่วย เพื่อให้สามารถควบคุมการทานอาหารในแต่ละวันได้ง่ายขึ้น ซึ่งเราก็จะพาคุณไปทำความเข้าใจกับความสำคัญของการดุลแคลอรี่กันมากขึ้น จะได้นำมาใช้ได้อย่างถูกวิธีกับการลดน้ำหนักนั่นเอง แคลอรี่ส่งผลต่อน้ำหนักโดยตรง ปริมาณแคลอรี่ที่กินเข้าไปในแต่ละวันจะส่งผลต่อน้ำหนักโดยตรง กล่าวคือ ในแต่ละวันร่างกายของคนเราจะมีการเผาผลาญแคลอรี่ออกไป และรับแคลอรี่เข้ามาจากการกินอาหาร โดยหากแคลอรี่ที่รับเข้ามามากกว่าแคลอรี่ที่ถูกเผาผลาญออกไป ก็จะทำให้เกิดการสะสมเป็นไขมันส่วนเกิน และทำให้อ้วนได้นั่นเอง ดังนั้น “การดุลแคลอรี่” จึงมีความสำคัญต่อการลดน้ำหนักเป็นอย่างมาก โดยคุณจะต้องรู้ก่อนว่าในแต่ละวันนั้นร่างกายของคุณจะมีการเผาผลาญประมาณเท่าไหร่ จากนั้นก็วางแผนกำหนดปริมาณแคลอรี่ที่ได้รับต่อวัน ไม่ให้เกิน ไม่ว่าจะได้รับแคลอรี่จากอาหารชนิดใดก็ตาม จะควบคุมแคลอรีให้สมดุลได้อย่างไร คุณสามารถควบคุมปริมาณแคลอรี่ที่ทานต่อวันให้เกิดความสมดุลได้ ด้วยการเช็คแคลอรีจากอาหารที่กินอยู่เสมอ โดยพยายามกินอาหารที่แคลอรี่ต่ำเป็นหลัก หรือหากกินอาหารที่มีแคลอรีสูงไ

หลายคนพูดบ่อยว่าเราต้องการบำรุงผิวจากภายใน แต่ใครบ้างจะเข้าใจว่า ผิวของเราไม่ได้ต้องการอาหาร แต่ต้องการสารอาหารดี ๆ ที่อยู่ในอาหารต่างหาก ซึ่งถ้าใครดูแลผิวอย่างดี แน่นอนว่าเราจะเลือกรับประทานแต่อาหารที่มีประโยชน์ เพราะมันส่งผลต่อผิวเป็นอย่างมากจริง ๆ ตอนนี้มาดูกันเลยดีกว่าค่ะว่าสารอาหารแบบไหนที่ผิวเรียกร้องต้องการด่วนค่ะ วิตามิน ซี วิตามินซีมีส่วนประกอบที่สำคัญอย่างเช่น โคเอนไซม์คิวเท็น (Coenzyme Q10) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยทำให้เซลล์ผิวมีความแข็งแรงมากขึ้น ช่วยชะลอวัย และยังช่วยในการฟื้นฟูและปรับสภาพผิวที่อ่อนล้าให้กลับมามีชีวิตชีวาดีขึ้น ส่วนใหญ่เราจะพบวิตามินซีได้จากผักผลไม้ต่าง ๆ  เช่น ส้ม ฝรั่ง สตรอว์เบอร์รี่ กีวี่ บรอคโคลี่ มะเขือเทศ และมะละกอ เป็นต้นค่ะ กรดไขมันโอเมก้า โอเมก้ามีคุณสมบัติช่วยบำรุงเซลล์ผิวหนังให้มีสุขภาพดี มีความชุ่มชื่น ไม่แห้งกร้าน อีกทั้งยังช่วยทำให้ระบบการไหลเวียนของเลือดทำงานได้ดีและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ผิวสุขภาพดี ซึ่งเราสามารถพบโอเมก้าได้จากไข่ ถั่วเหลือง ผักโขม น้ำมันตับปลาและปลาเเซลมอนหรือปลาทะเลน้ำลึก เป็นต้น ธัญพืช อาห

ถึงยุครัดเข็มขัดประหยัดทุกอย่าง แม้แต่เวลาเราก็ต้องประหยัด เพื่อให้มีเวลาทำอย่างอื่นได้มากขึ้นค่ะ วันนี้สดสวยเลยจะแนะนำเคล็ดลับการดูแลผิวแบบประหยัดเวลา แค่ 3 นาที เราก็มีผิวที่สวยสุขภาพดีได้แล้ว มาดูกันว่า 3 นาทีง่าย ๆ มีขั้นตอนไหนกันบ้างค่ะ 1.ทำความสะอาดหน้า จะล้างให้ดีและรวดเร็ว เราต้องใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าหรือเมคอัพโดยเฉพาะ เพราะมันจะประหยัดเวลาในการทำความสะอาดไปได้เยอะเลย ใช้ปลายนิ้วแตะผลิตภัณฑ์ ทาบนหน้าพอหมาด ๆ และนวดเป็นวงกลม จากนั้นล้างออกด้วยน้ำธรรมดา ไม่ควรใช้น้ำอุ่นเพราะจะทำให้น้ำมันธรรมชาติจากผิวหน้าถูกชำระล้างออกไปด้วย และซับหน้าให้แห้ง ใช้เวลาอยู่กับขั้นตอนนี้เพียง 1 นาที ก็สามารถล้างเมคอัพฝังแน่นออกได้หมดแล้วค่ะ 2.โทนเนอร์ การเลือกโทนเนอร์ควรเลือกที่ไม่มีแอลกอฮอล์ เพราะเป็นการถนอมผิวมากที่สุด หยดโทนเนอร์ให้ชุ่มลงบนสำลีแผ่น เช็ดให้ทั่วใบหน้าเพื่อปรับสมดุลค่า pH และเตรียมผิวให้พร้อมในขั้นตอนการบำรุงต่อไป ระวังอย่าถูแรง ๆ เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองเกิดริ้วรอยได้ค่ะ เราอยู่กับขั้นตอนนี้อีก 30 วินาที เท่านั้นเองค่ะ 3.เซรั่ม เริ่มเข้าสู่การบำรุงค่ะ ซ

อยากผิวฉ่ำวาว ผิวเด้งดูดี สดสวยมีเคล็ดลับดี ๆ มาฝากค่ะ การดูแลผิวทั้งภายในและภายนอกสำคัญมาก ๆ ไม่ว่าจะตั้งแต่ความสะอาดไปจนถึงอาหารการกิน ล้วนส่งผลต่อผิวของเราทั้งสิ้น เรามาดูกันนะว่าสาวเกาหลีเขามีเคล็ดลับการดูแลผิวอย่างไรให้สวยใสได้ขนาดนั้น 1.ทำความสะอาดผิว เรื่องนี้สำคัญ ถ้าขั้นตอนแรกไม่ผ่าน ผิวคงจะดูดีไม่ได้ การทำความสะอาดผิวหน้าเป็นเหมือนการบำรุงผิวขั้นตอนแรก เราต้องดูแลอย่างดี อย่าปล่อยให้ผิวหน้ามีสิ่งสกปรกตกค้างข้ามคืนเด็ดขาด เพราะมันจะไปรบกวนเวลาที่ผิวฟื้นฟูก่อนนอนได้ 2.บำรุงผิวให้ชุ่มชื้น หมั่นบำรุงผิวด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์เป็นประจำทุกวัน ถึงแม้บ้านเราจะอากาศร้อนก็ต้องทำให้ผิวชุ่มชื้นไว้ก่อน ยิ่งแสงแดดบ้านเราแรงด้วยแบบนี้ ก็ยิ่งต้องบำรุงค่ะ ซึ่งก็ทำได้ด้วยการทาครีมบำรุงผิว มาส์กหน้า และทาครีมกันแดดทุกครั้งที่ออกจากบ้าน จะช่วยฟื้นฟูและเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวได้ดี 3.นอนหลับเพียงพอ การนอนเป็นตัวช่วยที่ดี สังเกตได้ว่าถ้าเราอดนอน ผิวจะโทรมขึ้นมาทันทีเลย ดังนั้นถ้าเราหลับสนิทผิวก็จะฟื้นฟูตัวเองได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญต้องหลับเพียงพอด้วยนะ เพราะการนอนน้อยจะทำให้ผิวเร