ครีมสมุนไพรกำจัดไฝ ขี้แมลงวัน กระ ติ่งเนื้อ by carashop67

เพื่อนๆ อาจเคยได้ยินมาว่า “จะลดน้ำหนัก ต้องกินอาหารเช้า” ทำไมถึงเป็นแบบนั้น? เพราะการกินอาหารเช้าจะช่วยเพิ่มการเผาผลาญของเราหลังจากที่นอนมาทั้งคืนนั่นเอง ด้วยเหตุนี้จึงกลายเป็นเหตุผลที่ว่า หากเรากำลังลดน้ำหนักอยู่ ต้องบังคับตัวเองให้กินข้าวเช้า แม้ว่าจะไม่หิวก็ตาม! แต่เรื่องนั้นเป็นจริงแค่ไหน เรามาลองมองในมุมตรงกันข้ามจากผลการศึกษาเหล่านี้กัน มีการศึกษาหนึ่งได้แสดงให้เห็นว่า การกินอาหารเช้า กับ การงดอาหารเช้า มีผลต่อการลดน้ำหนักมากน้อยแค่ไหน? ผลคือ.. แทบไม่ต่างกัน และมีผลกระทบเล็กน้อย แถมในกลุ่มที่ไม่กินข้าวเช้านั้นกลับลดน้ำหนักได้มากกว่าเล็กน้อยอีกด้วย (อ้างอิง  1 , 2 , 3 ) ในอีกการศึกษาหนึ่งคนที่ข้ามมื้อเช้าได้กินอาหารกลางวันมากกว่าคนที่กินอาหารเช้าถึง 140 แคลอรี่ แต่อย่างไรก็ตามในตอนท้ายของวันปริมาณแคลอรี่ทั้งหมดของคนกลุ่มนี้กลับคงต่ำกว่า 400 แคลอรี่ การงดอาหารเช้าถือเป็นการอดอาหารเป็นระยะๆ ซึ่งทำให้บางคนง่ายต่อการลดน้ำหนักและปรับปรุงสุขภาพ ( อ้างอิง ) อนึ่่ง ความคิดที่ว่า กินอาหารเช้า ช่วยลดน้ำหนักได้ดีกว่านั้นก็มีข้อมูลมาจากการ National Weight Control Registry ของสหรัฐ

มะรุมเป็นสมุนไพรอินเดียที่ได้จากต้นมะรุม ถูกใช้ในยาอายุรเวท (ระบบการแพทย์โบราณของอินเดีย) เพื่อรักษาโรคผิวหนัง โรคเบาหวานและการติดเชื้อ ยาวนานเป็นเวลาหลายพันปี นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ช่วยเรื่องลดน้ำหนักด้วย แต่นั่นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ที่ “ผงมะรุม” ช่วยลดน้ำหนักได้? ผงมะรุม  เป็นอีกหนึ่งส่วนผสมที่ได้รับการแนะนำว่า ช่วยลดน้ำหนัก มีการศึกษาแสดงให้เห็นว่า มะรุมสามารถลดการสะสมไขมันและเพิ่มการสลายไขมัน (แต่เป็นการศึกษาในหลอดทดลอง จึงยังไม่ทราบว่าเอฟเฟกต์ที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ได้หรือไม่) จนถึงปัจจุบันยังไม่มีการศึกษาของมนุษย์ที่ได้ตรวจสอบผลของมะรุมต่อการลดน้ำหนัก อย่างไรก็ตาม ในการศึกษาหนึ่ง ในระยะเวลา 8 สัปดาห์ ผู้เข้าร่วม 41 คนที่เป็นโรคอ้วน ได้รับอาหารและการออกกำลังกายที่เหมือนกัน ผู้ที่ทาน 900 มก. ของอาหารเสริมที่มีมะรุม ขมิ้น ลดน้ำหนักได้ 4.8 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ได้รับยาหลอก น้ำหนักลดลงไปเพียง 1.8 กิโลกรัม ในการศึกษาที่คล้ายกัน แต่มีขนาดใหญ่ขึ้น นักวิจัยได้สุ่มคน 130 คนที่มีน้ำหนักเกิน ได้รับอาหารเสริมเช่นเดียวกับการศึกษาข้างต้นและยาหลอกเหมือนกัน พบว่า ผู้ที่ได้รับอ

สงสัยไหม Oatmeal Diet คืออะไร ทำไมจึงช่วยลดความอ้วนได้ โดยวันนี้เราก็ได้รวบรวมคำตอบและความรู้ดีๆ มาบอกสาวๆ ที่อยากมีหุ่นผอมสวยกันแล้ว Oatmeal Diet  คืออะไร เป็นการลดน้ำหนักด้วยข้าวโอ๊ต ซึ่งเป็นธัญพืชชนิดหนึ่งที่มีประโยชน์ทางโภชนาการมากมาย และเป็นอาหารเช้าที่หลายคนชื่นชอบ โดยสามารถนำมาทานกับผลไม้ชนิดอื่นเพื่อเพิ่มรสชาติและความอร่อยให้กับข้าวโอ๊ตได้ ที่สำคัญข้าวโอ๊ตสามารถช่วยลดน้ำหนักได้อย่างแท้จริง 2  ขั้นตอนการทานข้าวโอ๊ต ลดน้ำหนัก ขั้นตอนที่ 1 :  กินข้าวโอ๊ต 3 มื้อต่อวันในสัปดาห์แรก โดยอาจนำผลไม้มากินกับข้าวโอ๊ตหรือจัดเป็นของว่างในระหว่างวันด้วยก็ได้ แต่ห้ามกินอาหารอย่างอื่นเด็ดขาด ขั้นตอนที่ 2 :  หลังจากสัปดาห์แรกผ่านไป ให้เปลี่ยนมากินข้าวโอ๊ต 1-2 มื้อต่อวัน และเลือกทานเมนูที่ดีต่อสุขภาพมีไขมันต่ำในมื้ออื่นๆ ทั้งนี้ให้เพิ่มผักผลไม้เข้าไปด้วยเช่นกัน ใส่อะไรลงไปในข้าวโอ๊ตได้บ้าง การกินข้าวโอ๊ตเพียงอย่างเดียวอาจจะดูน่าเบื่อจริงไหม โดยคุณสามารถเพิ่มส่วนผสมอื่นให้ดูน่าทานมากขึ้นได้ เช่น นมพร่องมันเนย ผลไม้บางอย่าง และอบเชย ซึ่งจะทำให้เมนูข้าวโอ๊ตไดเอทของคุณมีรสช

ปัญหาสุขภาพในช่องปาก อย่างเรื่อง ‘กลิ่นปาก’ เป็นเรื่องที่ไม่เล็ก เพราะกลิ่นปากสามารถสร้างความกังวลและส่งผลต่อบุคลิกภาพของบุคคลเป็นอย่างมาก จนอาจลามไปถึงความมั่นใจ สดสวยได้นำวิธีลดกลิ่นปากแบบง่ายๆ ด้วยการจากใช้สมุนไพรมาฝากเพื่อนๆ กันค่ะ นอกจากวิธีดูแลช่องปากทั่วๆไป ที่เพื่อนๆ พอทราบมาบ้างแล้ว ลองใช้สมุนไพร เพื่อนำมารักษาในเรื่องของ “กลิ่นปาก” ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลองดูค่ะ นำน้ำมันเสจ  นวดเหงือกเบาๆ อย่างอ่อนโยน และก่อนนวดทุกครั้งต้องทำความสะอาดนิ้วและตัดเล็บให้สั้น เพื่อป้องกันเหงือกได้รับบาดเจ็บ ซึ่งวิธีนี้จะทำให้เหงือกมีสุขภาพแข็งแรง เพราะได้รับการกระตุ้นอย่างเหมาะสม เคี้ยวสมุนไพร  เช่น กานพลู และผักชีล้อม ที่มีสรรพคุณช่วยลดกลิ่นปากได้เป็นอย่างดี นำสมุนไพรมาใช้ในการปรุงเครื่องดื่ม  จิบเป็นประจำทุกวัน เช่น ชาการ์ดีเนีย เป็นต้น หรือเลือกลูกอมที่นำสมุนไพรมาเป็นส่วนประกอบ เช่น ชะเอม ที่สามารถลดกลิ่นปากได้อย่างดีเยี่ยม ใช้ เฟรมโมมายล์ เม้าท์ สเปรย์  นอกจากจะช่วยเพิ่มความสดชื่นแบบทันทีแล้ว ยังมีคุณค่าสารสกัดจากน้ำมันหอมระเหยช่วยระงับกลิ่นปาก (ดูรีวิวเพิ่มเติม:   RE

อยากมีริมฝีปากสีชมพูสวยๆ ต้องทำยังไงบ้างนะ? มีหลายคนอยากรู้คำตอบ วันนี้ สดสวยและ Healthandtrend  ก็มี 8 เคล็ด (ไม่) ลับมาบอกต่อให้ใครก็ตามที่อยากมีริมฝีปากสีชมพูได้ลองทำตามกันด้วยล่ะ ว่าแล้วจะมีเคล็ดลับไหนน่าทำบ้าง เราก็ไปชมกันดูเลยดีกว่า… 1. ดื่มน้ำมากๆ :  วิธีที่ง่ายมากๆ ในการทำให้ริมฝีปากมีสีชมพู สุขภาพดี ซึ่งปกติแล้วคนเราควรดื่มน้ำวันละประมาณ 7-8 แก้วกำลังดี และมันไม่ได้มากเกินไปเลย เชื่อว่าทุกคนทำได้ ลองทำกันดู 2. ทาลิปบาล์มบำรุงริมฝีปาก :  ทาลิปบาล์มบำรุงริมฝีปาก อาจจะใช้ลิปสูตรที่ผสมสารกันแดด เพื่อทำให้ริมฝีปากเราไม่คล้ำ และยังคงสวยมีสีชมพูน่าจูจุ๊บได้นั่นเอง 3. สครับริมฝีปาก :  การสครับริมฝีปากเป็นการกำจัดเซลล์เก่าที่ตายแล้วออกไป เพื่อผลัดให้เกิดเซลล์ใหม่ขึ้นมา ซึ่งวิธีนี้ก็ช่วยทำให้ริมฝีปากกลับมามีสีชมพูได้เช่นเดียวกันค่ะ ซึ่งวิธีสครับก็ไม่ยาก ลองใช้แปรงสีฟันมาถูขัดวนๆ บนริมฝีปากตอนแปรงฟันกันดูก็ได้ จากนั้นก็ค่อยล้างออกและทาด้วยลิปบาล์มทิ้งไว้ ก็ช่วยได้เช่นกันค่ะ 4. มะเขือเทศ  : นำเอามะเขือเทศหั่นบางๆ แล้ววางไว้ที่ริมฝีปาก จะช่วยให้มีริมฝีปากสีแดงชมพูเป็นธรรมชา

ใครๆ ก็บอกว่าช่วงเวลาที่เรารีบเร่ง มักจะร้อนรนไปซะหมด แม้เพียงเวลาสั้นๆ ในการรอให้เล็บที่เพ้นท์ลวดลายสวยงามแห้งสนิท ก็อาจจะดูเหมือนเรากำลังรอกันมานานเป็นแรมปี นานซะเหลือเกิน ซึ่งเราเชื่อว่าคงมีสาวๆ หลายคน ที่ประสบปัญหาเช่นนี้เหมือนกันใช่มั้ยคะ เวลาที่ต้องการเพ้นท์เล็บสวยในแต่ละวัน แต่บางครั้งอาจคำนวณเวลาในการแห้งสนิทของยาทาเล็บผิดไป ทำให้ต้องคอยเป่าแล้วเป่าอีก ทั้งพัดลม ไดร์เป่าผม ก็ดูเหมือนจะไม่ให้ความร่วมมือ เล็บไม่ยอมแห้งซะที แบบนี้จะทำยังไงดีล่ะ จวนจะถึงเวลานัดอยู่แล้ว…! เวลายิ่งเร่ง ก็ยิ่งรนไปซะหมด ใจเย็นๆ กันก่อน เพื่อไม่ให้สาวๆ ต้องรนจนทำอะไรผิดพลาด วันนี้ Healthandtrend ก็มีเคล็ดลับง่ายๆ ในการทำให้เล็บแห้งเร็วมาฝากกันด้วย สาวๆ รู้หรือยังเอ่ย  เพียงแค่เอาเล็บที่ทาแล้ว จุ่มลงชามที่ใส่น้ำและน้ำแข็งจนกลายเป็นน้ำเย็นอยู่นั้น สักประมาณ 2-3 นาทีเท่านั้น เล็บก็จะแห้งเร็วทันใจ  เลยนะ ว่าแล้วสาวๆ คนไหนสนใจ ลองเก็บเคล็ดลับนี้ไว้ใช้กันดูสิคะ ในวันที่เร่งรีบ ก็ไม่ต้องรีบร้อนจนเกินไป ใจเย็นๆ และหาเวลาทาเล็บให้สวยนิ้ง แล้วทำตามเคล็ดลับนี้ รอเพียงอึดใจเดียว เท่านี้แหละ ก็ได้เล็บสวยสำหร

จะเลือกซื้อสกินแคร์ทั้งทีต้องมีสติค่ะ บางครั้งการเชื้อรีวิวที่เขาบอกว่าดี ก็ไม่ได้ดีสำหรับผิวของเราเสมอไป เพราะฉะนั้นเราต้องหัดอ่านฉลากเองให้เป็นว่า ส่วนผสมใดไม่เหมาะกับสภาพผิวของเราบ้าง วันนี้สดสวยเลยนำเคล็ดลับการอ่านฉลากเครื่องสำอางมาบอกต่อกัน เราจะได้ผิวสวยอย่างมีสติและปลอดภัยกันค่ะ สาวผิวมัน สิ่งที่สาวผิวมันต้องเจอ คือทั้งปัญหาสิว และรูขุมขนกว้าง หลีกเลี่ยงส่วนผสมเหล่านี้ด่วน กลุ่ม Silicone เช่น Dimethicone เพราะจะทำให้รูขุมขนอุดตัน ผิวไม่ได้หายใจ และเป็นสาเหตุของการเกิดสิวอีกด้วย ส่วนผสมที่เหมาะกับสาว ๆ ผิวมันก็คือ เซรั่ม เอสเซนส์ เจล หรือโลชั่น ที่เขาเขียนว่า “for oily skin” นั่นแหละค่ะ สาวผิวแห้ง สิ่งที่สาวผิวแห้งควรหลีกเลี่ยงไปเลยก็คือพวก Salicylic Acid และ Benzoyl Peroxide เพราะส่วนผสมกลุ่มนี้จะทำให้ผิวยิ่งแห้งและเกิดผื่นคันเมื่อใช้ไปนาน ๆ หันมาใช้สิ่งที่เหมาะกับเราอย่าง ส่วนผสมที่มี Glycerin, Ceramide, Squalane หรือ Hyaluronic Acid เพราะส่วนผสมเหล่านี้จะช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้น และเสริมสร้างให้ผิวแข็งแรงขึ้น ลดปัญหาผิวแห้งไปได้เยอะเลยค่ะ ผิวแพ้ง่าย หนีให้ไกลจาก

สาว ๆ หลายคนประสบปัญหาสู้รบปรบมือกับสิวทุกวัน ไหนจะแก้ปัญหารูขุมขนอุดตันทุกสัปดาห์อีก นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอีกหลายอย่างที่ทำให้สิวบุก ซึ่งอาหารก็มีบทบาทสำคัญเช่นกัน การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพจะช่วยทำให้ผิวพรรณของคุณผ่องใสและดูดีที่สุด และวันนี้เราจะมาพูดถึงอาหารชนิดหนึ่งที่เขาว่ากันว่ามีส่วนช่วยในการรักษาสิว นั่นก็คือ “ถั่วบราซิล” ค่ะ ถั่วบราซิล คือ… เป็นอาหารที่จัดว่ามีซีลีเนียมสูงมาก ซึ่งซีลีเนียมคือแร่ธาตุสำคัญมีสรรพคุณต้านอนุมูลอิสระ พร้อมต่อสู้กับอาการระคายเคืองและการอักเสบจนกลายเป็นสิวได้ ดังนั้นการรับประทานซีลีเนียมอย่างเพียงพอจึงมีส่วนช่วยในการรักษาสิว แค่รับประทานถั่วบราซิลหนึ่งเม็ดกับน้ำเปล่าหนึ่งแก้วทุกเช้า ก็จะช่วยทำให้ผิวพรรณของคุณเปล่งปลั่งสดใสได้ ทำไมถึงบอกว่าให้รับประทานแค่หนึ่งเม็ดกับน้ำเปล่าทุกเช้า? เพราะถั่วบราซิลมีคำเตือนอยู่นิดหน่อยค่ะ ถึงแม้รสชาติจะแสนอร่อย แต่ก็ไม่ควรรับประทานบ่อยและเยอะเกินไปนะคะ เนื่องจากถั่วบราซิลมีปริมาณซีลีเนียมสูงมากจึงไม่ควรรับประทานมากเกินไปค่ะ ทางที่ดีไม่ควรรับประทานเกินวันละ 1-2 เม็ดเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะซีลีเนียมเป็นพ

พืชผักสีแดงอย่าง “มะเขือเทศ” เป็นอาหารที่มาแรงตลอดทุกยุคสมัย ไม่ว่าจะกินเป็นอาหารบำรุงร่างกาย หรือนำมาปรนนิบัติผิวก็มีแต่ข้อดีทั้งนั้น โดยเฉพาะสาว ๆ ที่รักผิวพรรณมักจะชอบหาสูตรเด็ดจากมะเขือเทศนำมาบำรุงผิวให้เปล่งปลั่งสดใส โดยให้ไลโคปีนจากมะเขือเทศเป็นตัวบำรุงหลัก แต่นอกจากผิวจะเปล่งปลั่งเพราะการดื่มน้ำมะเขือเทศ หรือนำมาพอกผิวแล้ว มะเขือเทศยังสามารถช่วยกระชับรูขุมขน ทำให้ผิวแข็งแรงได้ด้วยนะคะ ลองมาดูสูตรเด็ดนี้กันเลยค่ะ สิ่งที่ต้องเตรียม น้ำมะเขือเทศ 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาว 3-4 หยด สำลีแผ่น วิธีทำ ผสมน้ำมะเขือเทศให้เข้ากันกับน้ำมะนาว จากนั้นชุบด้วยสำลีแผ่นนำมา ทาลงบนผิวหน้าจนทั่ว ทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างหน้าให้สะอาดด้วยน้ำเย็นเพื่อปิดกระชับรูขุมขน สูตรมาส์กหน้าด้วยมะเขือเทศนี้นอกจากจะช่วยทำให้รูขุมขนกว้างหดตัวจนผิวกระชับขึ้นแล้ว ยังช่วยลดเลือนความมันบนผิว พร้อมทั้งกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว ทำให้หน้าขาวกระจ่างใสได้อย่างเป็นธรรมชาติอีกด้วยนะคะ ทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ผิวจะเปล่งปลั่งกระชับ เนียนสวย และยังช่วยรักษาสิวและลดเลือนรอยสิวดำ ๆ ให้จางลงได้อีกด้วยค่ะ

ปัญหาดวงตาดำคล้ำ ทำให้ผิวหน้าของเราดูหม่นหมอง ใครที่ทำงานหนัก ต้องนอนดึก อดหลับอดนอนส่งท้ายปี อย่าปล่อยปัญหานี้ไว้เด็ดขาดนะคะ เราต้องรีบหาทางดูแลผิวรอบดวงตาให้กลับมาสดใสเปล่งปลั่งต้อนรับปีใหม่กันโดยด่วน เคล็ดลับง่าย ๆ วันนี้ สดสวยนำมาฝากคุณสาว ๆ กันแล้วค่ะ 1.ดื่มน้ำมากๆ การดื่มน้ำเป็นเรื่องสำคัญอันดับแรก เพราะน้ำจะช่วยฟื้นฟูผิว และทำให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก นอกจากนี้ยังช่วยล้างพิษในร่างกายอีกด้วย สำหรับคนพักผ่อนน้อยแล้วละก็ร่างกายต้องการน้ำเพิ่มมากกว่าคนปกติถึงสองเท่า เพราะการไม่ได้พักผ่อนที่เพียงพอจะทำให้ผิวของคุณขาดน้ำ การดื่มน้ำเยอะ ๆ จะช่วยให้ดวงตาหายคล้ำได้ค่ะ 2.ลดความเครียด ความเครียดทำให้สมองเราไม่หลับ นั่นคือสาเหตุที่ทำให้รอบดวงตาเกิดความหมองคล้ำ เมื่อไหร่ที่เราหายเครียด ร่างกายก็จะผ่อนคลายและนอนหลับพักผ่อนได้อย่างเพียงพอ ดังนั้นสาว ๆ คนไหนที่มีความเครียดสูงอยู่ ควรหาวิธีผ่อนคลายและลดความตึงเครียดเพื่อให้หลับสนิทนะคะ 3.ใช้ความเย็น นำผ้าขนหนูไปชุบน้ำแล้วแช่ตู้เย็นเอาไว้ เวลาตื่นเช้าและก่อนนอนสามารถนำมาประคบดวงตาเพื่อให้เกิดความเปล่งปลั่งสดใส ทำก่อนแต่งหน้าก็จะยิ่ง