ครีมสมุนไพรกำจัดไฝ ขี้แมลงวัน กระ ติ่งเนื้อ by carashop67

ปัญหา รอยแผลเป็นนูน บนผิว เป็นเรื่องที่น่ากังวลใจอยู่ไม่น้อย สาว ๆ ทุกคนที่กำลังหาวิธีรักษาแผลเป็นนูนด้วยวิธีธรรมชาติโดยไม่ต้องผ่าตัด วันนี้สดสวยมีเคล็ดลับมาบอกต่อค่ะ ถ้าเราดูแลผิวอย่างถูกวิธี ไม่ต้องกังวลว่าแผลเป็นนูนจะไม่หายขาด แต่อาจจะต้องใช้เวลาในการดูแลผิวนานสักหน่อย ลองมาดูกันว่าทำวิธีไหนได้บ้างค่ะ ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจกับรอยแผลเป็นนูนกันก่อน  แผลเป็นนูน  คือ แผลเป็นที่นูนขึ้นหลังเกิดแผลใหม่ ๆ มีลักษณะนูน แดง และอาจจะมีอาการคันร่วมด้วย แต่จะไม่ขยายขอบออกจากแผลเก่า ซึ่งแผลเป็นสามารถมีขนาดเล็กลงได้เองโดยธรรมชาติ หรืออาจใช้การนวดเบา ๆ เป็นประจำ ก็จะช่วยให้แผลเป็นยุบเร็วขึ้น แต่ถ้าหากอยากรักษาให้หายเร็วขึ้น ลองทำตามเคล็ดลับนี้ดูค่ะ 1.แอปเปิ้ลไซเดอร์ แอปเปิลไซเดอร์ มีคุณสมบัติที่ช่วยลดเลือนรอยแผลเป็นนูนได้ดี ซึ่งจะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า เผยผิวใหม่ที่ดีและนุ่มขึ้น เพียงนำสำลีจุ่มลงในน้ำส้มสายชู หรือถ้ากลัวระคายเคืองก็อาจผสมกับน้ำเปล่าสักเล็กน้อย จากนั้นนำไปทาบริเวณรอยแผลเป็น ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาทีแล้วล้างออก ทาซ้ำประมาณวันละ 3-4 ครั้ง ต่อเนื่องประมาณ 2 สัปดาห์ จะรู้สึกว่าแ

สิว”  ถือเป็นปัญหาผิวอันดับต้นๆ ที่แทบทุกคนต้องเคยพบเจอ สิวมีหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทก็มีลักษณะและวิธีรับมือที่แตกต่างกันไป ในครั้งนี้สดสวยขอโฟกัสไปที่หนึ่งในสิวชนิดที่พบกันมากอย่าง “สิวเสี้ยน” หรือ “สิวอุดตัน” มารู้จักสิวชนิดนี้พร้อมวิธีดูแลอย่างถูกวิธีกันค่ะ “สิวเสี้ยน”  หรือ  “สิวอุดตัน”  เป็นความผิดปกติชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นกับรูขุมขน ทำให้มีการหนาตัวของชั้นขี้ไคล ร่วมกับมีการสะสมของขนอ่อนในรูขุมขนนั้น ๆ ซึ่งอาจพบเส้นขนได้มากถึง 5-50 เส้น กระจุกขนอ่อนเหล่านี้นี่เองที่ทำให้เกิดลักษณะเป็นเสี้ยนสิวสีขาว ๆ สิวเสี้ยนอาจพบได้ในหลายบริเวณที่มีรูขุมขนขนาดใหญ่ เช่น แผ่นหลัง ต้นแขน ต้นขา บริเวณจมูก คาง ผิวระหว่างคิ้ว และเมื่ออายุเพิ่มขึ้นก็ยิ่งพบได้มากขึ้น วิธีดูแลเมื่อเกิดสิวเสี้ยนหรือสิวอุดตัน ใช้ยาทาที่ช่วยลดการอุดตัน เช่น ยาทาเบนซิล เพอร์ออกไซด์ หรือยาทาในกลุ่มกรดวิตามินเอ จะช่วยให้สิวเสี้ยนและสิวอุดตันหลุดออกได้ง่ายข้ึน ใช้ร่วมกับการกดสิว โดยควรพบแพทย์เพื่อเริ่มทายาอย่างถูกต้อง ในปริมาณที่เหมาะสมเท่านั้น หากใช้เยอะเกินไปอาจแพ้และระคายเคืองผิวได้ เลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าท

รู้ไหมว่าหอมแดงสามารถนำมาใช้ลดรอยดำรอยแดงบนใบหน้าได้ แต่จะใช้อย่างไรก็ต้องไปดูกันเลย โดยเราก็ได้รวบรวมวิธีการใช้หอมแดงลดรอยดำพร้อมข้อควรระวังในการใช้มาบอกกันดังนี้ หอมแดง คืออะไร ? ‘สมุนไพรหอมแดง’ เป็นพืชที่คนไทยเรารู้จักกันดี เป็นสมุนไพรอีกชนิดหนึ่งที่คนไทยนำมาประกอบอาหารตั้งแต่ครั้งโบราณ ในปัจจุบันหาซื้อได้ง่าย มีขายตามตลาดและ ห้างสรรพสินค้าทั่วไป มีกลิ่นฉุน แสบร้อน จัดเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีความสำคัญของประเทศ แถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำหรับในประเทศไทยมีการปลูกมาก ทางภาคเหนือ หากแต่ ‘หอมแดง’ ที่ได้รับการยกย่องว่า เป็นหอมแดงดีมีคุณภาพต้องปลูกที่ จังหวัดศรีสะเกษ หอมแดง ลดรอยดำบนใบหน้าได้? ประโยชน์ของ ‘สมุนไพรหอมแดง’ นอกจากนำมาประกอบอาหารแล้ว ก็ยังมีสรรพคุณพิเศษ ช่วยรักษาสิวได้อีกด้วย โดย สรรพคุณของหอมแดง คือ ช่วยขับลม , แก้ท้องอืด อีกทั้งยังช่วยย่อยได้ดี นอกจากนี้ ยังสามารถใช้หอมแดงแก้อาการอักเสบต่างๆได้ผลชะงัด สำหรับ คุณผู้อ่านทั้งหลายที่กำลังมีความกังวลใจ เกี่ยวกับรอยสิว จุดด่างดำ บนใบหน้า ที่มีสีชัดเข้ม ทาครีมอะไรก็ไม่หายสักที ลองมาใช้สมุนไพรบ้านๆอย่าง ‘หอมแดง’ ช่

กล้วย หนึ่งในผลไม้ที่รับความนิยมไปทั่วโลก เพราะทั้งสะดวกและราคาถูก ให้ประโยชน์แก่ร่างกายหลากหลายสารอาหาร ใน 1 ลูกกล้วยให้อะไรเราบ้าง? แคลอรี่: 105 คาร์โบไฮเดรต: 27 กรัม ไฟเบอร์: 3 กรัม ไขมัน: 0.3 กรัม โปรตีน: 1 กรัม วิตามินซี: 17% ของปริมาณที่ควรได้รับใน 1 วัน วิตามินบี 6: 22% ของปริมาณที่ควรได้รับใน 1 วัน โพแทสเซียม: 12% ของปริมาณที่ควรได้รับใน 1 วัน แมงกานีส: 16% ของปริมาณที่ควรได้รับใน 1 วัน แมกนีเซียม: 8% ของปริมาณที่ควรได้รับใน 1 วัน (แหล่งข้อมูล) เป็นการอ้างอิงจากกล้วยขนาดกลาง หนัก 118 กรัม แต่ด้วยการรับสารที่แตกต่างกันออกไป ทำให้หลายคนเกิดคำถามขึ้นว่า ใน 1 วันเราควรกินกล้วยมากน้อยแค่ไหน? คำตอบของทุกอาหารคือ “ความสมดุล” และความหลากหลายเป็นจุดเด่นของอาหารเพื่อสุขภาพ ร่างกายเป็นระบบที่ซับซ้อนที่ต้องการสารอาหารหลายชนิดเพื่อทำงานอย่างถูกต้อง วิธีที่ดีที่สุดเพื่อให้แน่ใจว่าเพื่อนๆ ได้รับทุกสิ่งที่ร่างกายต้องการคือ การเลือกกินอาหารจากกลุ่มอาหารแต่ละประเภท ไม่มีจำนวนเฉพาะของกล้วยว่าดีหรือไม่ดี มันขึ้นอยู่กับแคลอรี่และความต้องการสารอาหารของร่างกายของเรา ในทางทฤษฎีเพ

เพราะความสวยไม่ใช่เรื่องที่ควรเสี่ยง การสรรหาวิธีให้เสริมความงามให้เสียเงินน้อยที่สุดโดยไม่ศึกษาถึงข้างเคียง แทนที่จะประหยัดอาจทำหน้าพังได้ เช่นเดียวกับวิธีลอกสิวเสี้ยนที่จมูกโดยการใช้กาวตราช้างทาลงบนกระดาษกาว ก่อนจะปิดลงบนจมูกแล้วลอกออกนั้น บอกได้เลยว่าอันตรายมากๆ กาวแบบใช้กับงานบ้าน  มักเป็นสารเคมีในกลุ่มไซยาโนอะคริเลต (cyanoacrylate) มีคุณสมบัติเป็นสารยึดติดที่แห้งเร็ว ทำให้วัสดุติดทนนาน โดยกาวชนิดนี้มีโครงสร้างทางเคมีที่เหมาะสำหรับใช้เฉพาะเชิงอุตลาหกรรม (Industrial grade) การใช้กาวนี้จึงต้องระวังไม่ให้สัมผัสโดยตรงที่ผิวหนัง เพราะเกิดปฏิกิริยารวดเร็ว ทำให้มีการคายความร้อนที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองที่ผิวหนังได้มากกว่ากาวที่ใช้เฉพาะทางการแพทย์ (Medical grade) ในส่วนของการสลายตัวของสารจะมีการปล่อยสารฟอร์มัลดีไฮด์ (Formaldehyde) และอัลคิลไซยาโนอะคริเลต (Alkyl cyanoacrylate) ซึ่งแม้จะมีปริมาณที่ไม่มาก แต่อาจเกิดพิษต่อเนื้อเยื่อและระบบทางเดินหายใจได้ นอกจากนี้หากกาวหากไปสัมผัสบริเวณผิวหนัง/อวัยวะส่วนอื่น  เช่น รอบดวงตา หรือริมฝีปาก ที่ผิวหนังบอบบาง เกิดอาการระคายเคืองง่าย อ

ทุกวันนี้คุณแยกออกหรือไม่กับสีผิวของตัวเอง แน่นอนว่าผิวขาว ผิวแทนแต่ละคนไม่เหมือนและไม่เท่ากัน ลองมาสังเกตตามวิธีง่ายๆ นี้ดูว่าผิวของเราเป็นสีอะไรกันแน่ แล้วยิ่งออกแดดจะมีผลกับสีผิวของเรายังไงบ้าง ขาว ออกไปทางผิวสีซีด (ผิวเผือก) ข้อดีคือเมื่อโดนแดดจัดผิวจะคลํ้าได้ยาก แต่จะรู้สึกว่าผิวไหม้ ขาวแบบอมชมพู มีความรู้สึกผิวไหม้แบบขาวผิวซีด และผิวจะออกคลํ้าเล็กน้อย ขาวเหลือง (แบบคนเอเชีย) ผิวอาจจะไหม้ได้หลังจากตากแดด ซึ่งผิวคลํ้าได้กว่าผิวขาวแบบอื่นๆ ผิวออกเหลือง เมื่อออกแดดจะทำให้ผิวแทนไปจนถึงคลํ้าเล็กน้อย ผิวสองสี หรือผิวคล้ำ (เหมือนผิวคนไทย) โอกาสผิวไหม้มีน้อยกว่าพวกผิวขาว ผิวคลํ้า หรือผิวดำไปจนถึงดำสนิท ผิวจะไม่มีไหม้จากแดด เพิ่มเติมกันอีกสักนิด  “สีผิว (Complexion)” ที่เป็นผิวหนังด้านนอกสุดของเราสามารถเปลี่ยนไปได้ตลอดจากการเผาไหม้ของแดด เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกเลยว่าบางครั้งรู้สึกว่าผิวของเราขาวสว่างขึ้น หรือบางทีทำไมถึงคลํ้าลง ซึ่งแตกต่างกับ “โทนผิว (Skin tone)”  เพราะคุณอาจจะมีสีผิวอย่างหนึ่ง แต่โทนสีอีกอย่างก็เป็นได้ เพราะโทนผิวจะติดตัวเราไปตลอด ไม่ว่าจะตากแดดแค่ไหน หรือจ

สงสัยใช่ไหมว่าสิวสเตียรอยด์คืออะไร และจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นสิวชนิดนี้ งั้นเรามาทำความเข้าใจกับสิวสเตียรอยด์กันเลย! ‘สิวสเตียรอยด์’ คืออะไร ? โดยปกติทั่วไปแล้ว ‘สิว’ เกิดจากการอักเสบของต่อมน้ำมันในชั้นผิวหนังและรากผม อันเกิดจากแบคทีเรียร่วมกับปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้เกิดการอักเสบของต่อมน้ำมัน โดยสิวสเตียรอยด์มีอาการเหมือนสิวทั่วไป หากแต่ด้วยสิวสเตียรอยด์ เกิดจากสิ่งที่ทำให้ต่อมน้ำมันหรือไขมัน อ่อนแอต่อการอักเสบและการติดเชื้อ และสิวอีกรูปแบบหนึ่งที่รู้จักกันในชื่อ Malassezia folliculitis หรือเชื้อรา ที่เกิดจากการติดเชื้อยีสต์ของรูขุมขน เฉกเช่นเดียวกันกับสิวที่เกิดจากเชื้อประเภทนี้ สามารถเกิดขึ้นได้เองตามธรรมชาติ หรือเป็นผลจากการใช้สเตียรอยด์ในช่องปาก หรือการฉีดสิวในคลินิค ตามปกติทั่วไปแล้วสเตียรอยด์ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นในวัยรุ่น หากแต่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เป็น ‘สิวสเตียรอยด์’ มีอาการอย่างไร ? สิวสเตียรอยด์มักเป็นช่วงหน้าอก นอกจากนี้ยังสามารถปรากฏอยู่บนใบหน้าลำคอหลังและแขนได้อีกด้วย โดยอาการที่สามารถสังเกตได้ สิวหัวเปิดและปิด สิวหัวดำหรือสิวหัวขาว สิวจุดสีแดงขนาดเล็ก

หน้าฝนแบบนี้ ถึงอากาศจะทำให้รู้สึกสบาย แต่คงไม่สามารถเลี่ยงความรู้สึกรู้สึกเฉอะแฉะและอับชื้นได้ มาดูกันว่าปัญหาผิวยอดฮิตที่กวนใจให้ไม่สบายตัว ทั้งผิวหน้าและผิวกาย ทั้งปัญหาผิวหน้ามัน และสิว ที่เกิดจากความสกปรกที่รวมตัวจากความมันและความชื้น จากการถูกกระตุ้นขอต่อมไขมันนั่นเอง และนอกจากนี้ยังมีส่วนอื่นๆ นอกจากผิวที่ได้รัลผลกระทบเช่นกันค่ะ มาเช็คกันดูว่าคุณมีปัญหาเหล่านี้หรือไม่ พร้อมวิธีรับมือ 1.ผม และหนังศีรษะอับชื้น ความชื้นจากฝนนอกจากทำให้เพิ่มความอับชื้นแล้ว ยังส่งกลิ่นเหม็น เพราะผมและหนังศีรษะจะแห้งช้ากว่าเดิม ดังนั้นควรสระผมอย่างสมํ่าเสมอหากคุณเจอฝน ตามด้วยเช็ดผมให้แห้งและใช้ไดร์เป่าผมให้แห้งสนิท เพื่อไม่ให้เกิดความชื้นสะสม 2.ผิวมัน อย่างที่เกริ่นไว้ตอนต้นว่า หน้าฝนจะทำให้เกิดความชื้นสูง ต่อมไขมันที่ผลิตความมันโดยเฉพาะบนใบหน้าจะถูกขับออกมามากกว่าปกติ เมื่อไหร่ที่ความมันมาพร้อมกับการสะสมสิ่งสกปรกแล้ว ผิวหน้าของเราจะมีสิวเกิดขึ้นนั่นเอง วิธีป้องกันและดูแลคือ รักษาความสะอาดบนใบหน้าอยู่เสมอ ด้วยการใช้ Remover ตามด้วยการล้างหน้าให้สะอาด หมดจด ไม่มีสิ่งตกค้างอยู่ตามรูขุมขน

ผิวรอบดวงตาหมองคลํ้าเป็นหมีแพนด้า หรือที่เรียกว่า ดวงตาหมองคลํ้า (Dark circles) ทำให้ต้องปกปิดอยู่บ่อยๆ อาจทำให้สาวๆ ดูไม่สดใสนัก แท้ที่จริงแล้วอาการดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย และพบมากขึ้นตามวัย เคยค้นหาสาเหตุกันหรือไม่ว่าเกิดจากอะไร ให้คุณลองเช็คคร่าวๆ ว่าเข้าข่ายปัจจัยเหล่านี้หรือไม่ เช่น ผิวรอบดวงตาบอบบาง หรือ มีอาการระคายเคืองจากการแพ้ง่าย ผิวเซนซิทีฟ, ตาแห้ง, นอนน้อย พักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้ระบบไหลเวียนเลือดไม่ดีนัก, พฤติกรรมการทานอาหารหวานหรือจำพวกแป้งเกินพอดี, กรรมพันธุ์จากคนในครอบครัว, อายุมากขึ้น ที่รอยคลํ้ามาพร้อมกับผิวรอบดวงตาหย่อน  ถ้าเข้าข่ายแบบนี้ก็มาดูวิธีลดอาการหมองคลำ้กันได้เลย แตงกวา  มีสรรพคุณลดอาการบวมของเส้นเลือดใต้ดวงตา และยังเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวรอบดวงตา เพิ่มความสดชื่นก่อนใช้ด้วยการแช่เย็นแล้วนำมาฝานบางๆ แล้ววางบนตาง่ายๆ นํ้าแข็ง  นำน้ำแข็งจากช่องฟรีซมาห่อด้วยผาขนหนูแล้วประคบเบาๆ ข้างละ 3 นาทีสลับกัน วิธีนี้ก็ช่วยลดอาการบวมได้เช่นเดียวกันค่ะ ถุงชาเขียว  หรือถุงชาทั่วไป เหมาะกับผู้ที่ผิวบอบบางแพ้ง่ายสุดๆ แล้วยังช่วยผ่อนคลายดวงตาจากค

ในปัจจุบันนี้ครีมที่ทำมาจากเมือกหอยทากได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย หากแต่การนำเมือกหอยทากมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด ย้อนไปในปี ค.ศ. 1980 ชาวนาชิลี ที่ประกอบอาชีพเลี้ยงหอยทากเป็นอาหาร มือของพวกเขานุ่มนวลอิ่มน้ำขึ้นมาก เพราะได้จับหอยทากทุกวัน อีกทั้งบาดแผลที่มือ ก็หายอย่างรวดเร็ว ทำให้นักวิทยาศาสตร์ทำการศึกษาวิจัยน้ำเมือกหอยทากตั้งแต่นั้นมา สารที่ได้จากน้ำเมือกหอยทาก ได้แก่ Alantoin ช่วยในเรื่องสมานแผลได้ดี Collagen Elastin Natural antibiotics ช่วยต้านเชื้อจุลินทรีย์ทุกชนิด Glycolic acid ช่วยเร่งการสังเคราะห์ Collagen ในชั้นผิวหนัง ประโยชน์ทางการแพทย์และเครื่องสำอาง ในปัจจุบันนี้การออกผลิตภัณฑ์เสริมความงาม บำรุงผิว เพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าผู้ชายยุคใหม่ ที่หันมาใส่ใจดูแลสุขภาพและผิวหน้า – ผิวกาย ของตนมากขึ้น เพราะฉะนั้นครีมเมือกหอยทากจึงเหมาะกับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย โดยเฉพาะสำหรับคนที่มีผิวธรรมดาหรือผิวแห้ง คนไข้แผลไฟไหม้ เมื่อทาครีมเมือกหอยทาก วันละ 2 ครั้งติดต่อกัน แผลสามารถลบเลือนใน 14 วัน เมือกหอยทาก มีความพิเศษทำให้บาดแผลตรงผิวหนังไม่รู้ส

หลายคนๆ มีความเชื่อว่าล้างหน้าบ่อยเท่าไหร่ยิ่งดี หากแต่เราอยากแนะนำให้คุณล้างหน้าแค่วันละ 2 ครั้งเท่านั้น ซึ่งการทำความสะอาดผิวหน้าในเวลากลางคืนนั้นมีความสำคัญเป็นพิเศษ สำหรับวันนี้เรามาดูกันดีกว่าว่ามีข้อห้ามอะไรบ้าง ที่เราแนะนำว่า ‘อย่าทำ’ ตอนล้างหน้าเพราะคุณอาจสร้างสิวอย่างไม่รู้ตัว 1. เลิกใช้สบู่ก้อน สบู่สามารถเปลี่ยนสมดุลค่า pH ของผิวได้ ซึ่งช่วยให้แบคทีเรียและยีสต์เจริญเติบโตมากขึ้น คุณควรใช้สบู่ที่ได้รับการคิดค้นมาเป็นพิเศษสำหรับผิวหน้าเท่านั้น โดยมีแนวโน้มที่หลายๆคนจะมองหา ‘โฟม’ เพราะคิดว่าทำความสะอาดได้ดีกว่า หากแต่การเกิดฟองสามารถดึงผิวของคุณด้วยน้ำมันธรรมชาติได้มากกว่า และก่อให้เกิดสิวได้ 2. อย่าลองใช้เครื่องมือต่างๆอย่างบ้าคลั่ง การศึกษาแสดงให้เห็นถึงจำนวนแบคทีเรียที่สะสมอยู่บนฟองน้ำ หรือรังบวบ เป็นหลักฐานยืนยันว่าสิ่งเหล่านี้อาจไม่ใช่ความคิดที่ดีสักเท่าไหร่นัก ถ้าคุณใช้เครื่องมือพวกนี้ในการทำความสะอาดผิวหน้ามากเกินไป 3. หยุดวนๆ ที่คางบ้าง ขากรรไกรและคอของคุณ มักมีแนวโน้มที่สะสมสิ่งสกปรกมาก เมื่อคุณทำความสะอาดผิวหน้าให้ถูนิ้วมือเบาๆบริเวณขากรรไกรและคอ