7 ขั้นตอน วิธีดีท็อกซ์น้ำตาลแบบปรับพฤติกรรม



โรคอ้วนและโรคเรื้อรังส่วนใหญ่ล้วนมีสาเหตุมาจากน้ำตาล ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ โรคมะเร็ง โรคสมองเสื่อม โรคซึมเศร้า สิว โรคเบาหวานชนิดที่ 2 รวมถึงภาวะมีบุตรยาก ด้วยเหตุนี้การขับสารพิษเพื่อขจัดน้ำตาลออกจากร่างกายจึงเป็นสิ่งที่ดี เพราะจะได้ทั้งขจัดสารพิษจากน้ำตาลและทำลายวงจรการเสพติดความอยากคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลที่ทำลายสุขภาพอีกด้วย สำหรับวิธีการนี้อาจใช้เวลาประมาณ 10 วัน โดยไม่มีการอดอาหารค่ะ มาลองไปพร้อมๆ กันมั้ยคะ?

1. ถึงเวลาของแข็ง!

เพื่อสุขภาพที่ดีบางครั้งคุณจำเป็นต้องหยุดน้ำตาลโดยเด็ดขาด เพื่อช่วยฟื้นฟูสารสื่อประสาทและฮอร์โมนในร่างกายซึ่งเป็นผลจากการหยุดบริโภคน้ำตาลทุกรูปแบบ รวมทั้งผลิตภัณฑ์จากแป้งและสารให้ความหวานเทียมด้วย เชื่อเถอะกระบวนการเผาผลาญของคุณจะกลับมาดีขึ้นเกินคาด

2. ทานคาร์โบไฮเดรตแบบพอดี

คุณต้องรับประทานคาร์โบไฮเดรตอย่างเหมาะสม มิเช่นนั้นน้ำหนักของคุณต้องเพิ่มขึ้นอีกแน่ๆ และอย่าลืมว่าการทานผักอย่าง หน่อไม้ฝรั่ง ผักใบเขียวในตระกูลบร็อกโคลี่ ถั่วเขียว หัวหอม เห็ด ซูกินี่ มะเขือเทศ มะเขือยาว ยี่หร่า และพริกชี้ฟ้า ล้วนเต็มไปด้วยแป้งเหมือนกัน

3. ใช้ไขมันดีสู้

ตัดความคิดที่ว่าไขมันทุกตัวแย่มีแต่ทำให้อ้วนออกไปก่อน เพราะไขมันจะทำให้คุณรู้สึกอิ่มท้อง อีกทั้งปรับสมดุลน้ำตาลในกระแสเลือด แต่ควรบริโภคไขมันดีอย่าง น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ อะโวคาโด และกรดน้ำมันโอเมก้า 3

4. เตรียมอาหารฉุกเฉิน

เพราะชีวิตคุณไม่ได้พร้อมเสมอ เมื่ออยู่ในนาทีฉุกเฉินระดับน้ำตาลในกระแสเลือดลดลง คุณอาจตะบะแตกทานของหวานได้ ทางที่ดีเตรียมชุดอาหารฉุกเฉินให้พร้อมอยู่เสมอ อาจเป็นคุกกี้เพื่อสุขภาพติดกระเป๋าไว้ ก็ได้

5. ต่อต้านการอักเสบ

น้ำตาลจะทำให้ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งสาเหตุของการอักเสบที่พบบ่อยสุดก็คือการรับประทานอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาล รวมทั้งไขมันทรานส์ ดังนั้นอย่าทานเด็ดขาด

6. ลดความเครียด

ความเครียดจะทำให้ระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลเพิ่มสูงขึ้นและทำให้รู้สึกหิวซึ่งเป็นสาเหตุของไขมันหน้าท้องและยังนำไปสู่โรคเบาหวานชนิดที่ 2 การแก้ไขคือสูดหายใจลึกๆจะช่วยกระตุ้นประสาทส่วนพิเศษเวกัสที่เปลี่ยนจากที่เก็บไขมันเป็นการเผาผลาญไขมันอย่างรวดเร็ว ไม่นานอาการเครียดจะทุเลาลง

7. นอนหลับให้เพียงพอ

การนอนจะช่วยขจัดความอยากน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตได้ รวมทั้งทำให้คุณไม่หิวเพิ่มขึ้นอีกด้วย ทางที่ดีนอนก่อน 4 ทุ่มดีที่สุดค่ะ

เพียงแค่ 10 วันจะทำให้สุขภาพคุณดีขึ้น แต่ทางที่ดีให้เพื่อนๆ ลองหาทางที่จะปรับพฤติกรรมตัวเองเข้ากับหลายๆ ข้อข้างต้นนี้ก็ช่วยให้สุขภาพดีอย่างยาวนาน รวมไปถึงการดูแลเรื่องรูปร่างด้วยเช่นเดียวกัน


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

วัย 20-30 ต้นๆ เริ่มแก้ปัญหาฝ้า หน้าหมองคล้ำ ยังไงดี?

ล้างหน้าถูกวิธี ผิวดีสวยได้!

2 STEPS เคล็ดลับบำรุงด้วยอายครีม